
แพลน 6 วัน 6 คืน เราไปเที่ยวไหนบ้างตามมาเลยค่ะ
รอบนี้แม่อยากพาศึกษาวัฒนธรรมจีนบ้าง เลยปักหมุดที่ปักกิ่ง ด้วยเราเที่ยวเองไม่ได้มากับทัวร์ดังนั้นก็จะต้องเตรียมตัวหน่อยเพราะเราพูดจีนไม่ได้เลยค่ะ ![]()
อันดับแรกเราทำวีซ่า แต่หลังมีนาคม 2567 เป็นต้นไปสามารถเที่ยวโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้แล้วงี้สบายเลย


หลังจากนั้นเตรียมสมัคร Wechat และ Alipay ค่ะ เพราะที่จีนกลายเป็นสังคมไร้เงินสดไปแล้ว จะสั่งอาหาร จ่ายค่าเข้าชม ค่ารถอะไรต่างๆต้องสแกนจ่ายหมด แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ต้องแลกเงินสดไปนะคะ เผื่อไว้ค่ะ เพราะกฏหมายเค้ายังห้ามปฏิเสธการใช้เงินสดอยู่ แต่พอใช้เป็นเท่านั้นสแกนจ่ายๆสะดวกมาก


จริงๆแม่สมัครทุกอย่างที่คนแนะนำ แต่ที่ได้ใช้จริงๆคือการผูกบัตร Youtrip ไว้กับ Alipay อันนี้สะดวกกว่า Truemomey นะคะ เพราะเวลาเรียกรถแท็กซี่ จ่ายบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ เราใช้ mini app ใน Alipay และ wechat ง่ายกว่าค่ะ (ระวังเรื่องยอดเกิน 200 หยวนจะมีค่าธรรมเนียม 3 % ตรงนี้เราบอกเค้าให้แบ่งจ่ายได้)
การเดินทางภายในเราใช้รถไฟใต้ดินและแท็กซี่จาก Didi เป็นหลัก จะมีออกนอกเมืองก็เช่าแบบ One day Trip บ้างซึ่งคนขับพูดภาษาอังกฤษได้แถมช่วยสอนภาษาจีนให้เด็กๆด้วยค่ะ
โรงแรมเราพักที่ Fairmont Beijing พักหรูอยู่สบายใกล้สถานีรถไฟใต้ดินเพียง 200 เมตร พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้เป็นบางคน บริการดี 5 ดาว

เรื่องโทรศัพท์เราเปิดโรมมิ่งไปค่ะ สัญญาณดีมาก ใช้แอพต่างๆได้เหมือนเมืองไทย ยกเว้นถ้าต่อ wifi ในโรงแรมก็จะเล่น Facebook, google อะไรที่เค้าบล็อกก็เล่นไม่ได้
ห้องน้ำไม่ต้องกังวลค่ะ ตามเราเที่ยวรับรองสะอาด 555+ ยกเว้นดวงซวยจริงๆ เจอคนไม่กดน้ำ หรือคนจีนจะชอบถุยน้ำลาย คือเดินถนนทั่วไปต้องระวังเหยียบ แต่ถ้าที่ท่องเที่ยวนี่คือไม่เห็นนะคะ เรื่องรถคือจะขับตรงข้ามกับบ้านเรา และที่สำคัญทางม้าลายถ้าไฟเขียวรถมอเตอร์ไซด์กับจักรยานยังไปได้ค่ะ ต้องมองดีๆหน่อยวุ่นวายมากๆ

ส่วนนิสัยคนจีนเราไม่เจออะไรแย่ๆนะคะ ทุกคนคือยินดีช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ น่ารักมากเลยค่ะ ไม่มีแซงคิว มีลุกเสียสละให้เด็กๆนั่ง เวลาเราอยากได้ความช่วยเหลือแม้จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เค้าก็พยายามใช้ Translate App ช่วยอ่ะค่ะ เป็นมิตรมากยิ่งเห็นเด็กๆพยายามพูดจีนเค้ายิ่งอยากช่วยมากเลยค่ะ แม่ประทับใจเลย
เวลาเที่ยวตอนนี้ต้องจองล่วงหน้านะคะ และใช้พาสปอร์ตในการยืนยันตัวตนทุกที่เลยค่ะ พกติดตัวตลอดเวลาตอนเที่ยวที่จีน ที่สำคัญเป็นเมืองที่ปลอดภัยมาก ตำรวจและกล้องเยอะสุดๆ จะเข้า-ออกสถานที่สำคัญ รถไฟใต้ดิน จะมีตรวจสแกนกระเป๋าตลอด ของไม่หายเดินเที่ยวแบบสบายใจได้เลยค่ะ

เราบินตรงจากเชียงใหม่ด้วยสายการบิน Air China ไฟลท์ 5 ทุ่มครึ่ง ถึงก็ตี 4 บ้านเค้า (เวลาจะเร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง)
#วันที่1 : จัตุรัสเทียนอันเหมิน-พระราชวังกู้กง (แบบเดินเลียบข้างกำแพงเพราะจองไม่ทัน ตอนนี้ส่งเมล์ไปเค้าให้ไปหน้าเวปค่ะ ต้องจองผ่าน wechat หรือในเวปเท่านั้นนะคะ) -อุทยานเป่ยไห่ (หน้าหนาวมีลานทะเลสาบน้ำแข็งให้เล่น เปิดช่วง มกราคมทุกปี) -ทานข้าวแถวๆโรงแรม







#วันที่2 : ถนนหวังฟูจิ่ง- Hamleys ร้านขายของเล่น- Wf Central ช้อปแบรนด์เนม-Legoland-Popmart-ทานข้าวที่ APM ชั้นบนสุดมีร้านอาหาร






#วันที่3 : กำแพงเมืองจีน ด่านมู่เถียนยวี่ นั่งกระเช้า-เล่น Toboggan-กินไอติม icon pop -เที่ยวห้าง world trade ตรงข้าม CCTV








#วันที่4 : Universal ที่ใหญ่ที่สุดในโลก




#วันที่5 : Summer Palace (มีลานทะเลสาบน้ำแข็งให้เล่นใหญ่มากๆ)-Teamlab ที่ห้าง Chaoyang Joy City ทานข้าวที่นี่








#วันที่6 : Temple of Heaven-กลับเมืองไทย



สถานที่อยากไปแต่ไม่ได้ไป: สวนสัตว์ปักกิ่งและอควาเรี่ยม- Natural History museum- Chaoyang Theatre (กายกรรมปักกิ่ง)- Jingshan Park (สวนสาธารณะ) – Meland (สวนสนุกของเด็กๆ)- Popland (สวนสนุก) -Xidan Mingzhu (ตลาดขายของจีนราคาถูก) คือเวลาไม่พอจริงๆ ต้องมีไปซ้ำละค่ะ
ใครมีแพลนเที่ยวสามารถสลับๆที่สนใจได้นะคะ หน้าร้อนนี่ดอกไม้บานสวยๆ
ลืมประเทศจีนแบบเก่าๆไปได้เลย เค้าพัฒนาไปไกลมาก หลายอย่างไฮเทคล้ำหน้าสุดๆแต่ก็ยังมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าสวยงาม ยิ่งใหญ่ไม่ถูกกลืนไปตามกาลเวลา



