
มาค่ะ!! วันนี้แม่จะรีวิวโรงเรียนในเชียงใหม่ที่น่าสนใจเพิ่มอีกที่ รอบนี้มาแนะนำโรงเรียนนานาชาตินครพายัพ หรือ NIS โรงเรียนนานาชาติที่เก่าแก่เป็นอันดับสองของเชียงใหม่ ซึ่งเปิดมานานมากกว่า 30 ปีแล้วนะคะ ดังนั้นเรื่องประสบการณ์ในการสอนและการรับมือกับปัญหาต่างๆหายห่วงเลยค่ะ ![]()
NIS อยู่แถวๆสันผีเสื้อ ทางไปศาลากลางใหม่ ติดถนนวงแหวนรอบสองเลยค่ะ เอาจริงๆเวลาขับผ่าน แม่ก็พยายามแอบมองเข้าไปไม่ค่อยเห็นอะไรอ่ะค่ะ เห็นแต่ต้นไม้เยอะมากกก
แต่!! วันนี้แม่มีโอกาสเข้าไปพูดคุยและทำความรู้จักกับ NIS มากขึ้น บอกเลยว่าเป็นโรงเรียนที่น่าสนใจมากกกกก เผื่อคุณพ่อคุณแม่ชาวเชียงใหม่ท่านไหนที่มองหาโรงเรียนอินเตอร์สไตล์อเมริกาให้ลูกอยู่จะได้นำข้อมูลนี้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจค่ะ





มาเริ่มรู้จัก NIS กันเลยนะคร่าาาา สารภาพว่าตอนแรกแม่คิดว่าเป็นโรงเรียนในเครือมหาวิทยาลัยพายัพ ฮ่าๆ จริงๆแค่ชื่อคล้ายกันเฉยๆไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเร้ยยยย และไม่ได้เป็นโรงเรียนในเครือศาสนาหรือแฟรนไชส์จากที่ใดค่ะ อันนี้สอบถามมาให้แล้วนะคะ ![]()
ที่ NIS เป็นโรงเรียนนานาชาติที่ใช้หลักสูตรอเมริกา เปิดรับนักเรียนตั้งแต่ 3 ขวบ แบ่งเป็นระดับชั้น Early Childhood Center (ระดับอนุบาล), Elementary School (ระดับประถม), Middle School (มัธยมต้น) และ High School (มัธยมปลาย) คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องปวดหัวย้ายโรงเรียนบ่อยๆ อยู่ยาวๆไปได้เลย
ที่สำคัญทางโรงเรียนได้รับการรับรองมาตรฐานจาก Western Association of Schools and Colleges (WASC) ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ การจะไปเรียนต่อทั้งในอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ก็สามารถยื่นพอร์ตได้เลยค่ะ ที่สำคัญเค้ามีสอนวิชา AP (Advanced Placement) ในโรงเรียนด้วยนะคะ มีถึง 18 วิชา ซึ่งไม่ใช่ทุกโรงเรียนนานาชาติที่จะมีค่ะ โดย AP นี้จะเป็นเนื้อหาเกินระดับวิชา ไว้ใช้เรียนต่อในมหาวิทยาลัย หากผ่านวิชา AP จากที่โรงเรียนแล้วเด็กๆก็ไม่ต้องเรียนในมหาวิทยาลัยซ้ำอีก ก็จะช่วยประหยัดเงินและเวลา ทำให้เรียนจบเร็วขึ้นด้วยค่ะ แถมยังเป็นศูนย์สอบ SAT อีกด้วยนะคะ เอิ่ม….คุยเรื่องนี้เดี๋ยวยาวววว~ ไว้มาเขียนหัวข้อนี้แยกอีกทีดีกว่า
เอาเป็นว่ามาเรียนที่นี่คือ อยู่ได้ตั้งแต่อนุบาลจนจบ High school มั่นใจว่าลูกมีที่เรียนต่อมหาวิทยาลัยชัวร์เพราะโรงเรียนผ่านมาตรฐานได้รับการรับรองค่ะ





รอบนี้แม่มาดูในส่วนของ ECC หรือชั้นอนุบาลก่อนนะคะ ระดับชั้นน้องเล็กนี้จะถูกแยกออกจากพี่โต การรับ-ส่ง facilities ต่างๆ เช่น สระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่น ตึกทางเข้า โรงอาหาร ห้องเรียน บ่อทราย คือจะแยกหมดเลย เพื่อความสะดวกในการดูแลและการทำกิจกรรม ตรงนี้เค้าจะเรียนทั้งหมด 3 ปีค่ะ แยกเป็นห้อง Early Learners, K1-K3 และแต่ละห้องจะมีนักเรียนประมาณ 15 คน ครูประจำชั้นที่เป็น Native 1 คน มีครูผู้ช่วย (TA) 1 คน นอกจากนั้นก็จะมี TA กลางมาช่วยดูแลเพิ่มด้วยค่ะ



ซึ่งแม่ชอบตรง..ที่นี่เปิดเผยประวัติและประสบการณ์ของคุณครูให้เราดูเลยว่ามาจากไหนบ้าง จบจากที่ไหน มีประสบการณ์สอนยังไงบ้าง อยู่มากี่ปี โดยคุณครูที่นี่คือรักและผูกพันกับโรงเรียนสุดๆ แต่ละท่านนี่อยู่กันนานๆทั้งนั้นเลยค่ะ บางท่านอยู่มาตั้งแต่เปิดโรงเรียนก็มี
คือดีอ่ะค่ะ การเรียนการสอนจะได้ราบรื่นเด็กๆก็ไม่งง ครูก็สามารถประเมินเด็กได้เข้าถึงมากกว่าเพราะได้ดูแลเด็กๆตลอดทั้งปีการศึกษา ที่สำคัญครูมีวุฒิและประสบการณ์ในการสอนเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้เลยว่าคุณครูมีจิตวิทยาในการดูแลเด็กแน่นอน ซึ่งที่ NIS ใส่ใจมากเห็นได้จากมีห้องเสริมพัฒนาการเด็ก ซึ่งปกติเด็กเล็กจะมีนอนกลางวันแต่ถ้าเด็กคนไหนไม่อยากนอน ครูก็จะพามาห้องนี้ให้เล่นอย่างที่เค้าอยากเล่นและสนใจค่ะ ไม่มีการบังคับใดๆ


ดังนั้นเด็กๆที่ NIS จะเป็นเด็กที่มีอิสระในความคิด ซึ่งเริ่มตั้งแต่การก้าวเข้ามาในรั้วโรงเรียนแบบไม่มี Uniform มีการคัดกรองทางด้านสุขภาพจากพยาบาลวิชาชีพ ส่วนสถานที่บอกเลยว่ากว้างและร่มรื่นมากๆ มันทำให้สมองเด็กๆได้เปิดโล่งไม่มีกรอบจำกัด พร้อมรับการเรียนรู้ใหม่ๆได้ง่าย แม่เห็นห้องเรียนคือ…. โว้ววว ตั้งแต่ตระเวณดู Open house หลายๆที่ไม่เคยเห็นห้องเรียนที่กว้างขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ เด็กๆวิ่งเล่นในห้องคือไม่ต้องห่วงว่าจะวิ่งชนกัน ฮาๆ และการอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติมีต้นไม้ ป่าเขา นั่งมองวิวดอยสุเทพสวยๆ ส่งผลให้เด็กๆจิตใจอ่อนโยน รักและคอยช่วยเหลือกันและกัน ที่นี่ปลูกฝังเรื่องนี้เป็นหลักเลยนะคะ ไม่มีการบูลลี่คือสังคมที่นี่ดีมากๆ นี่แม่ก็แอบถามว่าทำได้ยังไง เค้าบอกว่าถ้าเด็กคนไหน Toxic เค้าจะมี Socio-Emotional Counselor เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะโรงเรียนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆเน้นการดูแลสุขภาพจิตใจเด็กๆอย่างจริงจัง ลูกๆจะได้อยู่ในสังคมที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีคือไหนๆก็จะเสียเงินเยอะแล้วมันก็ต้องได้คุณภาพแบบนี้อ่ะค่ะ
ส่วนเรื่องการเรียนการสอนที่นี่ไม่ได้วิชาการจ๋า มาแบบสายกลางเน้นทั้งกิจกรรมและทั้งการเรียน ควบคู่กันไป ตามอเมริกันสไตล์อ่ะค่ะ เป็นการเล่นเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ เตรียมความพร้อมเข้าสู่ชั้นสูงถัดไป โดยเด็กๆจะเน้นช่วยเหลือตัวเองมีอิสระในความคิด สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง ค้นคว้าเอง (Independent learners) ได้ซึ่งทางโรงเรียนจะมีมาตรฐานในการตรวจสอบเด็กๆ โดยใช้ Standard Based Report Card เป็นตัววัด ในช่วง K3 จะได้เริ่มทำ MAP Test 2 ครั้งต่อปีเพื่อตรวจวัดเด็กๆให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน






ส่วน facilities ของโรงเรียนคือแบบครบมาก ไม่ว่าจะเป็นโรงอาหาร (แยกของเด็กเล็ก-เด็กประถม-มัธยม) ซึ่งจะเป็นห้องที่ติดเครื่องฟอกอากาศและมีระบบกรองอากาศ เด็กเล็กก็ทานแบบบุฟเฟ่ต์ ส่วนเด็กโตก็มีร้านอาหารให้เลือกซื้อตามแต่ชอบ ซึ่งมีอาหารนานาชาติหลากหลาย เด็กๆชอบจานไหนก็สามารถหยิบซ้ำได้ โรงเรียนก็เปิดโอกาสให้เด็กๆได้คิดและตัดสินใจเลือกเองแม้แต่เรื่องเล็กๆแบบนี้



หรือส่วนของห้องสมุดที่จะมีหนังสือเวียนอัพเดตทุก 2 ปี หนังสือที่อายุเกินกว่านั้นจะถูกเก็บในห้อง Store หากหนังสือไหนที่ภายใน 5 ปีไม่มีการนำไปใช้ก็จะถูกนำออกไปค่ะ โดยห้องสมุดก็จะแบ่งตามระดับชั้นตามพัฒนาการและการใช้งานของนักเรียนค่ะ ห้องสมุดเด็กโตก็จะเน้นพวก Text book ของเด็กเล็กก็จะเน้นหนังสือนิทานฝึกอ่าน หนังสือกิจกรรมและการเรียน






นอกจากนั้นก็ยังมีห้องดนตรีที่อุปกรณ์ครบครัน ห้อง Dance หอประชุม ห้องศิลปะ ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องแลป สนามฟุตบอล สนามบาส สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สนามเด็กเล่น บ่อทราย ลานกิจกรรมกลางแจ้ง มีคาเฟ่ร้านขนมในโรงเรียน เรียกว่าครบมากๆ ระบบความปลอดภัยของโรงเรียนก็มีจุดกั้นหลายจุดกว่าจะเข้ามาในบริเวณพื้นที่โรงเรียน เอาเป็นว่าคุณพ่อแม่ท่านไหนที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูที่ www.nis.ac.th หรือติดต่อเยี่ยมชมโรงเรียนได้เลยค่ะ



