บทความอื่น, Blogs

★ เมื่อลูกขอเลี้ยงสัตว์

การเลี้ยงสัตว์จะทำให้เด็กมีจิตใจอ่อนโยน มีความเข้าใจที่จะเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักคุณค่าของสิ่งมีชีวิต รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักดูแลผู้อื่น จนกระทั่งเกิดเป็นความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น

อ่านแล้วก็อยากให้ลูกเป็นเด็กจิตใจอ่อนโยนมีความรับผิดชอบขึ้นมาทันที ยิ่งช่วงนี้เริ่มเรียนเรื่องสัตว์เลี้ยงแสนรัก ทั้งที่โรงเรียนและที่พาไปทำกิจกรรม บวกกับอ่านหนังสือบ่อยๆ เด็กๆเลยรบเร้าอยากเลี้ยงแฮมสเตอร์กับกระต่าย 🐇

แต่!! คุณแม่เกิดความลังเลใจ ใจนึงก็อยากซื้อให้ลูกเพราะลูกอ้อนกันมาก พูดขออนุญาตทุกวัน แถมรับปากรับคำว่าจะเลี้ยงดูอย่างดี การซื้อสัตว์ให้ลูก ไม่ยากค่ะ แค่มีเงินก็ซื้อมาได้ แต่ความรับผิดชอบอีกชีวิตที่ตามมาก็สำคัญ สัตว์เลี้ยงก็เปรียบเหมือนสมาชิกอีกคนในครอบครัว ดังนั้นต้องมั่นใจว่าลูกจะเลี้ยงสัตว์ได้จริง? มีคำแนะนำก่อนตัดสินใจดังนี้ค่ะ

1. ความพร้อมของลูก วัย วุฒิภาวะ ดูแลตัวเองได้ไหม ควบคุมร่างกายและอารมณ์ได้รึยัง บางครั้งลูกเล็กเล่นแรงกับสัตว์ ยั้งมือไม่เป็นก็ตัดสินใจได้เลยว่ายังไม่ควรเลี้ยงค่ะ หรือให้เลือกสัตว์ที่เหมาะสมกับวัย

2. สุขภาพลูก เราต้องรู้ด้วยว่าลูกแพ้อะไร ถ้าลูกแพ้ขนหมา ขนแมวแต่เลือกซื้อมาเลี้ยงสุดท้ายก็ต้องหาบ้านใหม่ให้สัตว์นั้น อาจทำร้ายจิตใจทั้งของลูกทั้งสัตว์เลี้ยงได้ค่ะ การทดสอบภูมิแพ้นั้นอาจทำ skin test ซึ่งต้องงดรับทานยาแก้แพ้ก่อนไปตรวจ หรือถ้าตรวจทางเลือดก็ไม่ต้องงดค่ะ ผลค่อนข้างแม่นยำแต่ราคาจะสูงกว่า และลูกเจ็บค่ะ

3. เลือกสัตว์ให้เหมาะกับลูกและสภาพครอบครัว เช่น การเลือกเลี้ยงสัตว์ที่มี activity สูงก็จำเป็นต้องมีพื้นที่กว้างให้สัตว์วิ่งเล่น หรือการเลี้ยงพวกขนฟู สัตว์จากเมืองหนาวก็ต้องเลี้ยงในห้องแอร์ หากเลี้ยงนอกบ้านร้อนๆเลี้ยงบำรุงไงก็ไม่ได้ขนฟูสวย หรือลูกยังเล็กก็แนะนำให้เลี้ยงสัตว์ที่แค่เฝ้ามองอย่างเดียวไม่ต้องเล่นหรือรับผิดชอบอะไรมาก วงจรชีวิตสั้นอย่าง หนอนผีเสื้อ เป็นต้น

4. เวลา อันนี้สำคัญมากๆ การที่จะดูแลสัตว์สักตัว เราต้องมีเวลาให้เค้า ทั้งเวลาเลี้ยง เล่น ฝึกสอน ดูแลยามสัตว์เลี้ยงแก่ หรือเจ็บป่วย จะเลี้ยงสัตว์ไม่ใช่แป๊บๆตอนเค้าเป็นเด็กน่ารัก แต่นั้นรวมถึงเวลาสัตว์เลี้ยงเราไม่น่ารักด้วย เช่นตอนป่วยหรือแก่ เราต้องรับผิดชอบไปตลอดชีวิตของสัตว์เลี้ยงนั้นๆค่ะ

5. ศึกษาข้อมูลก่อนจะเลี้ยง พฤติกรรมสัตว์ สายพันธุ์ อายุขัย อาหารการกิน ที่อยู่อาศัย การดูแลรักษาโรค ถ้าเจ็บป่วยหรือทำวัคซีน คลีนิคหรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน ควรศึกษาและวางแผนให้ดีก่อน ตรงนี้เป็นข้อดีที่คุณพ่อคุณแม่จะใช้เวลานี้คุยและสอนลูกก่อนเลี้ยงค่ะ

6. ฟาร์ม ร้านขายสัตว์เลี้ยง ช่วยกันเลือกและสนับสนุนที่ไม่ทารุณสัตว์ สะอาด สัตว์แข็งแรงไม่ป่วย ไม่ติดเชื้อเป็นโรคและไม่หลอกขาย อย่างเช่นคนขายกระต่าย ที่นำลูกกระต่ายไม่ถึง 2 สัปดาห์มาขายว่าเป็นกระต่ายแคระ ซึ่งเคสนี้ก็ยังมีเจอบ่อยๆ ลูกกระต่ายกินผักบุ้งก็ทำให้ท้องเสียตายได้ค่ะ

7. เงิน ใช้ตั้งแต่เริ่มซื้อ อุปกรณ์การเลี้ยง ค่าวัคซีน ค่าอาหาร ค่ายายามเจ็บป่วย เราต้องเลี้ยงจนสัตว์แก่ ยิ่งแก่ยิ่งต้องดูแลเยอะ ค่าใช้จ่ายก็จะเยอะมาก บางทีค่ารักษา เลี้ยงดูจะสูงกว่าราคาที่ซื้อมาอีกค่ะ เด็กๆยังดูแลตรงนี้ไม่ได้ก็จะกลายเป็นหน้าที่ของคุณแม่คุณพ่อค่ะ

  • การเลี้ยงสัตว์ก็มีข้อดีอยู่มาก ช่วยให้เด็กอ่อนโยน ช่วยให้เด็กรู้จักให้ เห็นใจผู้อื่น รู้จักแบ่งปัน มีความรับผิดชอบ รักธรรมชาติ รักสัตว์ และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรตัดสินใจให้ดี ยังไงก็ต้องร่วมรับผิดชอบร่วมกับลูก อย่าให้ชีวิตหนึ่งกลายเป็นแค่สิ่งของ เป็นรางวัล-ของขวัญ หรือสิ่งแก้เหงาเป็นเพื่อนเล่นให้ลูกๆนะคะ
  • หากตัดสินใจจะปฏิเสธลูกก็ควรทำด้วยวิธีประนีประนอม พูดเหตุผล หรือทางเลือกอื่นคือพาไปร้านคาเฟ่สัตว์ต่างๆที่เปิดบริการให้เด็กเล่นกับสัตว์นั้นๆ รอจนพร้อมเลี้ยงเองได้ค่ะ