Education

อนุบาลแนวไหนดี

เจอบทความนี้ตอนช่วงตัดสินใจเลือกโรงเรียนให้ลูกค่ะ บทความนี้ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจง่ายขึ้น ทั้งหมดทั้งมวลคุณพ่อคุณแม่ใจเย็นๆค่อยๆเลือกให้เหมาะกับครอบครัวนะคะ แล้วลูกจะมีความสุขกับการไปโรงเรียนค่ะ

โรงเรียนอนุบาลในประเทศไทยมีหลายระบบ เราต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับตนเองและพัฒนาการของลูก จะได้เลือกที่ถูกใจตัวคุณพ่อคุณแม่เองและรวมถึงตัวลูกด้วยค่ะ

“ การเรียนชั้นอนุบาลของลูกเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ของเด็กที่ต้องเกี่ยวข้องกับสังคมภายนอก โรงเรียนอนุบาลแต่ละแห่งก็มีแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่แตกต่างกันออกไป บางแห่งก็มีการผสมผสานหลายแนวเข้าด้วยกัน เราลองมาดูกันว่าแนวการสอนแบบไหนที่จะถูกใจคุณพ่อคุณแม่ และเหมาะกับลูกน้อยของคุณ ”

1. โรงเรียนอนุบาลแนววิชาการ

โรงเรียนกลุ่มนี้จะสอนให้อ่านและเขียนได้เมื่อจบอนุบาล มีการสอนคัดลายมือและสอนบวกลบเลขเพื่อเน้นการสอบเข้าป.1 โรงเรียนรัฐบาลและเอกชนที่มีชื่อเสียงได้

2. โรงเรียนอนุบาลแนวเตรียมความพร้อม

การเรียนการสอนของโรงเรียนกลุ่มนี้เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการขึ้นชั้น ป.1 เท่านั้น โดยจะเน้นเรื่องของการเล่นและทำกิจกรรมเป็นส่วนใหญ่เพื่อพัฒนาทักษะทางความคิด จินตนาการ การพัฒนากล้ามเนื้อและร่างกายของเด็ก

โรงเรียนชนิดนี้จะมีวิธีการสอนแบบต่างๆ แบ่งตามปรัชญาทางการศึกษา ได้แก่

👉🏼 แนวการสอนแบบมอนเตสซอรี่ (Montessori)

เน้นสอนตามพัฒนาการและความต้องการของเด็ก เพื่อให้เด็กสามารถพึ่งพาตนเองได้ เป็นการเรียนรู้แบบรายบุคคลด้วยการใช้อุปกรณ์ในการฝึกประสาทสัมผัสของเด็ก

👉🏼 แนวการสอนแบบนีโอฮิวแมนนิส (Neo-Humanist Education)

เป็นการผสมผสานกันระหว่างแนวการเรียนการสอนทางตะวันออกและความทันสมัยของทางตะวันตก โดยให้เด็กฝึกสมาธิทำโยคะไปพร้อมๆกับใช้เสียงเพลง เป็นวิธีการสอนแบบใหม่

👉🏼 แนวการสอนแบบวอลดอร์ฟ (Waldorf)

เน้นการสอนให้เด็กเรียนรู้ผ่านการเล่น สอนกิจกรรมฝึกทักษะ การคิดและจินตนาการ ทั้งศิลปะ ดนตรี โดยให้เด็กมีโอกาสได้ปฏิบัติจริง

👉🏼 แนวการสอนแบบเรกจิโออิมีเลีย (Reggio Emilia)

เน้นการสอนให้พ่อ แม่ ครู เด็ก ชุมชน มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ร่วมกัน มีการตั้งสมมติฐาน สำรวจ แล้วแสดงผลผ่านการวาดภาพ งานปั้น หรือการเล่นละคร

👉🏼 แนวการการสอนแบบโครงการ (The Project Approach)

เป็นการสอนด้วยวิธีสะสมแฟ้มผลงานเด็กโดยสืบค้นข้อมูลตามเรื่องที่เด็กสนใจ ค้นหาคำตอบจากคำถามที่เกี่ยวกับหน่วยการเรียนรู้

👉🏼 แนวการสอนแบบพหุปัญญา (Multiple Intelliigence)

เป็นการพัฒนากระบวนการเรียนการสอนในลักษณะเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างสาระการเรียนรู้และความสามารถทางการเรียนรู้ที่มีอยู่ในตัวผู้เรียน ซึ่งจำแนกไว้ 8 ด้าน ได้แก่ ด้านภาษา / ด้านดนตรี / ด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ / ด้านการเข้ากับผู้อื่น / ด้านการรู้จักและเข้าใจตนเอง / ด้านความเข้าใจในธรรมชาติ / ด้านมิติสัมพันธ์ / ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนแต่ละคนได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่และได้ใช้ความสามารถได้สูงสุด

👉🏼 แนวการสอนภาษาโดยองค์รวม (Whole Language Approach)

เป็นการสอนภาษาแบบบูรณาการผ่านการพูด ฟัง อ่าน เขียน โดยมีเด็กเป็นศูนย์กลาง เตรียมความพร้อมทุกด้านให้เด็กมีพัฒนาการทางภาษาได้ง่ายและเร็วขึ้น

👉🏼 แนวคิดการสอนแบบ ไฮสโคป (High/Scope)

เน้นการเรียนรู้แบบลงมือกระทำผ่านมุมเล่นหลากหลาย ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับพัฒนาการและการแก้ไขปัญหา โดยจะมีการแบ่งการสอนเป็นกลุ่มๆ เพื่อให้ง่ายต่อการกระตุ้นพัฒนาการแต่ละด้าน

3. โรงเรียนสองภาษา (BI-LINGUAL)

เป็นโรงเรียนที่สอนภาษาไทยกับภาษาต่างประเทศอีก 1 ภาษา ซึ่งอาจเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน บางแห่งมีการสอนถึง 3 ภาษา ทั้งไทย-อังกฤษ-จีน เป็นทางเลือกสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการมุ่งเน้นพัฒนาทักษะทางภาษาให้ลูก ระดับอนุบาลจะมีการจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษได้ไม่เกิน 50% ของเวลาที่จัดกิจกรรม รับนักเรียนไม่เกินห้องละ 25 คน แต่ค่าเล่าเรียนมักสูงกว่าการเรียนภาคปกติด้วย

4. โรงเรียนนานาชาติ (International School)

เป็นโรงเรียนที่จัดการศึกษาในระบบ โดยใช้หลักสูตรต่างประเทศหรือหลักสูตรต่างประเทศที่ปรับรายละเอียดเนื้อหารายวิชาใหม่หรือหลักสูตรที่จัดทำขึ้นเองที่ไม่ใช่หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ และใช้ภาษาต่างประเทศเป็นสื่อในการเรียนการสอนให้กับนักเรียน โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และไม่ขัดต่อศีลธรรมและความมั่นคงของประเทศ เหมาะกับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการจะให้บุตรหลานมีความรู้ ความสามารถ ศักยภาพและมาตรฐานที่เพียงพอจะแข่งขันในสังคมโลกแห่งโลกาภิวัตน์ได้ รวมทั้งต้องการที่จะปลูกฝังวัฒนธรรมระดับสากลที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารให้กับบุตรหลานโดยไม่ต้องลงทุนส่งลูกหลานไปเรียนในต่างประเทศซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่า

5. โรงเรียนแนววิถีพุทธ

เป็นโรงเรียนระบบปกติที่นำหลักธรรมพระพุทธศาสนามาใช้ หรือประยุกต์ใช้ในการบริหาร และการพัฒนาผู้เรียนโดยรวมของสถานศึกษา เน้นกรอบการพัฒนาตามหลักไตรสิกขา อย่างบูรณาการ ผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านการพัฒนา“การกิน อยู่ ดู ฟัง เป็น” คือ มีปัญญารู้เข้าใจในคุณค่าแท้ ใช้กระบวนการทางวัฒนธรรมแสวงปัญญา และมีวัฒนธรรมเมตตา เป็นฐานการดำเนินชีวิต โดยมีผู้บริหารและคณะครูเป็นกัลยาณมิตรในการพัฒนา

6. การสอนแบบบ้านเรียน Home School

เป็นแนวคิดที่มาจากพื้นฐานความเชื่อที่ว่า พ่อแม่สามารถเป็นครูได้ และเด็กสามารถเรียนรู้ได้จากชีวิตและบุคคลรอบข้างอย่างอิสระ เป็นการเรียนรู้อย่างมีความสุข ไม่ต้องเข้าชั้นเรียนอย่างที่โรงเรียนกำหนด ซึ่งหลังจากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ในมาตราที่ 12 และมาตราที่ 18 (3) ก็ได้มีบทบัญญัติคืนสิทธิให้แก่ครอบครัว เพื่อให้สามารถจัดการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้แก่ลูกหลานได้ด้วยตนเองแทนการส่งลูกเข้าศึกษาในระบบโรงเรียน ทำให้ในปัจจุบันหลายครอบครัวที่มั่นใจในศักยภาพและความพร้อมของตนเอง ได้ดำเนินการเลือกการเรียนการสอนแบบโฮมสคูลให้กับลูก ๆ

Cr. หาไม่เจอค่ะ ขออนุญาตแบ่งปันนะคะ