ปิดเทอมใหญ่ทั้งทีอยากลองพาลูกไปไกลๆบ้าง เล็งออสเตรเลียไว้ว่าน่าพาลูกไปดูจิงโจ้ นั่งเรือดูวาฬ
เดินป่าชายทะเล และเล่น playground ตามสวนสาธารณะต่างๆ ลูกน่าจะชอบ
จากการตระเวนเที่ยวมาหลายครั้งพบว่า ถ้าที่เที่ยวถูกใจลูก เค้าจะเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาททำให้เลี้ยงแบบไม่เหนื่อยมาก สำคัญคือ ทริปนี้ไม่มีพี่เลี้ยงไปด้วยค่ะ 
ลูกแฝดสองคนในวัย 3 ขวบ อารมณ์กำลังเอาแต่ใจ ท้าทาย ช่างซักถาม แม่ต้องเตรียมรับมือให้ดีๆค่ะ
ดังนั้นแม่ต้องทำการบ้านหนัก สังเกตว่าลูกชอบอะไร สนใจสิ่งไหน ซึ่งบ้านนี้เน้นวิ่งเล่น ดูสัตว์ ดูไดโนเสาร์ เจ้าหญิง สวนสนุก และนอนพักผ่อนแต่แม่จะแทรกความรู้ประสบการณ์ใหม่ๆต่างแดนให้บ้าง ดังนั้นไม่ค่อยเน้นช้อปปิ้งและกินเท่าไร จะรีบกินเพื่อจะได้เล่นมากกว่าค่ะ 
การขอวีซ่าออสเตรเลีย
ทริปนี้เป็นการนั่งเครื่องที่ยาวนานถึง 18 ชม. จากเชียงใหม่-กรุงเทพ-ซิดนีย์ ออสเตรเลีย เราวางแผนล่วงหน้านิดหน่อยเพราะต้องขอวีซ่าเข้าเมืองก่อนค่ะ แต่สำหรับแม่ๆที่เชียงใหม่ไม่ต้องลงกรุงเทพเพื่อขอวีซ่านะคะ เรายื่นผ่าน VFS เชียงใหม่ อยู่ชั้น 6 ตึกศิริพาณิชย์ เยื้องๆห้างเมญ่าค่ะ
กรอกเอกสารใบสมัคร โดยเลือกให้ตรงกับชนิดวีซ่าที่ต้องการขอ เราเลือกวีซ่าท่องเที่ยวค่ะโดยดาวน์โหลดจาก
https://www.homeaffairs.gov.au/Forms/Documents/1419tha.pdf
เป็นภาษาไทยแต่ตอนกรอกต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษนะคะ เตรียมรูป เอกสารส่วนตัว เอกสารที่ทำงาน เอกสารการเงิน ใบจองโรงแรม ใบจองตั๋วเครื่องบิน ของเราให้เรียบร้อย ยื่นเยอะไว้ก่อนค่ะ รวมถึงเตรียมเอกสารตัวจริงไปด้วย ส่วนของเด็กๆให้ รร. ออกหนังสือรับรองให้แนบยื่นคู่ไปค่ะ เตรียมเรียบร้อยแล้วก็นัดหมายล่วงหน้าในเวป VFShttp://www.vfsglobal.com/…/schedule-an-appointment.html
ก่อน 24 ชม. ซึ่งจะเป็นการยื่นเอกสารและเก็บประวัติลายนิ้วมือ กับชำระเงินเป็นเงินสด รายละเอียดการทำวีซ่าอ่านได้ในเวป VFS เลยค่ะ ที่ดีอย่างหนึ่งของการขอออสเตรเลียคือเค้าคืน Passport ให้เลยระหว่างที่รอผล ดังนั้นหลังจากยื่นเราก็สามารถเดินทางไปเที่ยวที่อื่นได้ 
ตอนกรอกเราขอไป 12 เดือนเผื่อไว้ เพราะราคาเท่ากัน ปรากฏได้มา 3 ปี คุ้มเลยค่ะ พอได้วีซ่ามาแล้วก็ได้เวลาพาเด็กๆเที่ยวกันแล้ว ลุย!!
สิ่งสำคัญก่อนไปเที่ยว
1. เช็คฤดู- เราไปช่วง กค. ซึ่งตรงกับหน้าหนาว แต่ที่ซิดนีย์หนาวไม่มาก ไม่ถึงหิมะตกค่ะ เตรียมเสื้อผ้ากันหนาว แว่นตากันแดด หมวก ครีมบำรุงผิว กระติกน้ำดื่ม อันนี้ถ้าเป็นแบบเก็บความร้อนได้จะดีมากเลยค่ะ เด็กๆได้ดื่มน้ำอุ่นจิบบ่อยๆร่างกายสดชื่นผิวไม่แห้ง นอกจากนั้นที่เที่ยวจะมีเวลาปิด-เปิดแต่ละฤดูไม่เท่ากัน อย่างหน้าหนาวจะปิดกัน 4-5 โมงเป็นส่วนใหญ่เพราะจะมืดไวมากค่ะ เวลาเที่ยวจะน้อยมาก แต่ถ้าฤดูร้อน 2 ทุ่มยังสว่างจ้าอยู่
2. ยา เตรียมพวกแก้หวัดคัดจมูก ลดน้ำมูก ปวดหัว ลดไข้สูง ไอ เจ็บคอ ท้องเสีย เอาแบบครบ โดยให้คุณหมอเขียนใบรับรองการใช้ยาให้ ที่นี่เข้มงวดเรื่องการนำยา ของการเกษตร นม ถั่ว เข้าประเทศ เราเลยเตรียมใบรับรองไว้ก่อนค่ะ
3. อย่าลืมทำประกันการเดินทางไว้เผื่อฉุกเฉินหาหมอที่นั้นจะได้ไม่ลำบากค่ะ เคยป่วยตอนเที่ยวนี่ไม่สนุกเอาซะเลยค่ะ
4. โทรศัพท์ ปกติจะเปิด Data Roming เหมาจ่ายจากเมืองไทยค่ะ แต่ที่ออสเตรเลียเช็คแล้วว่ามาซื้อซิมจะประหยัดและได้เล่นเน็ตเยอะกว่า เราใช้โปรของค่าย Vodafone 30Gb/30 วัน แค่ 25 AUD ประหยัดกว่าเยอะมากค่ะ
5. App Google Maps ขาดไม่ได้เลยค่ะ เพราะมันจะบอกวิธีเดินทางมาให้ครบไม่ว่าจะ Tram Train bus หรือ เดินและไม่มีหลง เพียงแค่ search ชื่อสถานที่ที่เราจะไป ดังนั้นแบตเตอรี่มือถือสำคัญมาก อย่าลืมพก Powerbank ไปด้วยเสมอค่ะ
Opera House & Royal Botanic Garden
เรานั่งรถไฟมาลงสถานี Circular Quay ลงสถานีรถไฟปุ๊บก็ถึงท่าเรือ มองไปด้านขวาก็เห็น Opera House เลยค่ะ เดินชมวิว ถ่ายรูป จะเห็นสะพาน Harbour Bridge ด้านซ้ายมือ ส่วนใครพอมีเวลาหลังจากทัวร์ Opera House จบ เดินลัดเลาะอ่าวโค้งไปด้านหลัง Opera House จะเจอกับสวนสาธารณะใหญ่ สวน Royal Botanic Garden สามารถขึ้นไปชมวิวสะพานและ Opera house อีกมุมสวยๆได้ค่ะ
Wild Life Zoo – Sea Life Aquariums
Wild Life Sydney Zoo และ Sea Life Sydney Aquariums (มี Madame Tussauds ด้วย แต่เราไม่ได้เข้าค่ะ) อยู่แถว Darling Harbour วันนี้เรานั่ง Tram ลงที่ pyrmont Station แล้วเดินออกไปทาง Darling harbour ข้ามสะพานก็เจอเลย แต่ถ้าไม่ข้ามสะพานจะเป็น Marine Time Museum เป็นเรือรบทหารเห็นชัดเจน ซึ่งตั๋วที่เราซื้อคือ iVenture เป็นตั๋วรวมที่ท่องเที่ยวในออสเตรเลีย สามารถเลือกตามไลฟ์สไตล์ที่เราจัดทริปไว้ค่ะ เลือกดูรายละเอียดสถานที่เที่ยวที่เข้าร่วมในเวปได้
https://www.iventurecard.com/th/sydney/ ช่วงเราไปเป็นเป็น school holiday พอดีดังนั้นแต่ละที่จะมีกิจกรรมพิเศษให้เด็กๆทำเพิ่มเติมด้วยค่ะ ที่ Darling Habour เราจองตั๋วนั่งเรือชมวาฬที่นี่ด้วยค่ะ ต้องซื้อล่วงหน้าเพราะกลัวจะเต็มค่ะ
Outdoor Playground-Whale watching-Genki Sushi
แวะเล่นสนามเด็กเล่นที่ Tumbalong Park อยู่ติดกับ Darling Harbour โดยนั่ง Tram ลงที่สถานี Exhibition Center เดินลงปุ๊บก็เห็นสวนสาธารณะเลยค่ะ เดินมาด้านซ้ายมือ ที่นี่มีสนามเด็กเล่นใหญ่มาก และฟรีค่ะ (มี Chinese Garden อยู่ติดกันเลยด้านหลัง) จากนั้นได้เวลานั่งเรือชมวาฬ ก็เดินไปที่ท่าเรือ Darling Harbour เพื่อขึ้นเรือไปดูวาฬต่อ ทัวร์นี้เป็นเรือใหญ่ใช้เวลา 3 ชั่วโมง กลับมาก็ 5 โมงเย็นมืดแล้วค่ะ
ไปย่าน Capital Square กินซูชิร้าน Genki Sushi รสชาติโอเคแต่เด็กๆชอบตรงเสิร์ฟด้วยรถไฟค่ะ 
ถ้ามีรถเข็นเด็กต้องเข้าไปด้านในลิฟต์ก่อน แต่ถ้าไม่มีเดินลงบันไดร้านไม่ติดถนนค่ะ อยู่ใต้ดิน
Taronga zoo & Hay Market
Taronga zoo ที่นี่เที่ยวทั้งวันเพราะกว้างมาก เราไปทางเรือค่ะ เริ่มที่ Circular Quay นั่งเรือใช้บัตร Opal ได้เลยแค่แตะเหมือนขึ้น BTS Wharf 4 นะคะ Side A หรือ B ดูที่หน้าจออีกทีค่ะ ไปขึ้นที่ Taronga Zoo Wharf ในบัตร iVenture สามารถต่อ Cable car ได้เลย แต่ถ้าไม่มีต้องนั่ง Bus ไปซื้อบัตรหน้าทางเข้าก่อนค่ะ เราใช้เวลาเกือบทั้งวันที่นี่ เค้าปิด 16.30 น. ขากลับก็กลับทางเดิมนั่งเรือชม Opera house ได้ด้วยค่ะ
วันนี้(ศุกร์) Hay Market มีตลาดนัดให้ซื้อของฝาก อาหาร ของจุกจิกน่ารักๆกลับบ้านค่ะ ที่นี่มีร้านขนมหวานอยู่หัวมุมถนนสองร้านติดกัน คนต่อคิวยาวมากค่ะ วันเสาร์ลองไปอีกรอบปรากฎไม่มีตลาดนัดแล้วค่ะ
Hyde Park – Australia museum – Watson Bay
ไป Australia museum แต่แวะเดินเล่นที่ Hyde Park ก่อนซึ่งที่นี่เราเดินไปค่ะ ไปทางสถานีรถไฟ Museum Station เพราะไม่ไกลจากโรงแรม ทั้งสองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันเลย ได้วิ่งเล่นที่สวนสาธารณะ Hyde Park กันก่อน เช้าๆอากาศกำลังดี แต่ตอนเราไปเค้าปิดปรับปรุงเลยได้แค่ชมวิว วิ่งสนามหญ้าด้านนอกค่ะ ข้ามไปใน Museum ตั๋วจะไม่รวมใน iVenture ต้องจ่ายแยก ช่วงนี้มีนิทรรศการ Mammoth ด้วยเด็กๆชอบแมมมอธเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจัดให้เลยค่ะ ที่ชั้น 4 มีร้านอาหารอร่อยดีค่ะ
พอจากพิพิธภัณฑ์เรานั่งรถบัสฝั่งตรงข้ามเพื่อไปเดินป่าศึกษาธรรมชาติที่ Watson bay ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ถือว่าได้ชมเมืองไปในตัว ที่นี่เป็นป้ายสุดท้ายของรถบัส พอถึงปล่อยลูกเล่น playground วิ่งเล่นสนามกว้างๆ พักร้านคาเฟ่จิบชา-โกโก้ร้อน ทานเค้กที่ Watson Bay Library ร้านน่ารักมาก ซึ่งติดชายหาด
จากนั้นเดินย้อนมาทางป้ายที่ลงรถบัส ฝั่งตรงข้ามจะมีทางเดินป่าเลียบชายทะเล วิวสวยมาก ใครพลาดนี่เสียดายมากๆค่ะ ที่จุดนี้สามารถเดินได้ทั้งซ้าย-ขวามือ เราเลือกทางซ้ายพอสุดทางจะเป็นทางเดินป่าแคบๆ ไว้ศึกษาธรรมชาติ เด็กๆชอบมากเดินไม่มีเหนื่อยเลยค่ะ
ChiangmaiMommy 