
เคยรู้สึกนะคะว่า งานพิธีจบนี่เป็นอะไรที่ไร้สาระ
ตั้งแต่สมัยแม่รับปริญญาแล้วค่ะ แต่ก็รับให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ ซึ่งไม่เข้าใจหรอกค่ะว่า จะภูมิใจอะไรนักหนากับแค่กระดาษใบเดียว?? แต่พอมาถึงคิวลูกตัวเอง แถมแค่ชั้นอนุบาล…พอเห็นลูกใส่ครุยตัวจิ๋วน้ำตามันเอ่อล้นมาเอง กลั้นความรู้สึกไม่ได้ค่ะ มันตื้นตันใจ ปลื้มใจ ดีใจ ภูมิใจคละกันไปบอกความรู้สึกไม่ถูก
ภาพจำตอนลูกแรกเกิดที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ดูดนมยังไม่เป็นเลย ยิ่งลูกเราตัวเล็กมากน้ำหนักแค่กิโลกว่าๆ แค่ดูดนมก็เหนื่อยแล้ว มาถึงวันที่หัดพูด หัดคลาน เดิน จนวิ่งตามแทบไม่ทัน “ลูกโตไวจัง” คิดแล้วก็ใจหายเหมือนกันค่ะ แต่ลูกต้องเติบโตมีชีวิตความคิดของตัวเอง ไม่ได้เป็นเด็กน้อยของแม่ตลอดไป และ…เช่นกัน…


เมื่อส่งภาพหลานไปให้คุณตาคุณยาย อากงอาม่าดู ท่านตอบกลับมาว่า “ดีใจมาก แต่ไม่รู้ตอนหลานจบปริญญา ท่านจะมีโอกาสได้เห็นภาพแบบนี้อีกรึเปล่า”
พูดเหมือนกันแบบไม่ได้นัดหมาย ![]()
![]()
ทำให้เราได้สติ…หนึ่งชีวิตเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ยังมีอีกชีวิตที่แก่ชราลงไปทุกๆวัน



ดังนั้น จงบริหารเวลาและความสัมพันธ์ไว้ให้ดี ทำทุกๆวันให้มีความสุขมากๆ เรื่องอะไรที่บั่นทอนก็เพลาๆลง ไม่ต้องเก็บมาคิดให้หนักหัว พิธีจบอนุบาลนี้เหมือนเตือนสติเราได้ดีทีเดียวค่ะ อย่างน้อยคุณตาคุณยาย อากงอาม่ายังได้เห็นภาพน่ารักๆแบบนี้ ยิ่งทางโรงเรียนจัดแบบอบอุ่น บรรยากาศแบบนี้ทำให้ประทับใจและเก็บมันไว้เป็นความทรงจำที่วิเศษสุดในชีวิตแม่เลย



