
(ภารกิจอุ้มท้องแฝด) เขียนบันทึก “กว่าจะได้เป็นแม่ (แฝด)” ใน facebook ส่วนตัว ภาคต่อนี้เป็นเรื่องราวระหว่างอุ้มท้อง เอามาเรียบเรียงใหม่ เพื่อเอามาลงที่นี่ค่ะ
👉🏼 หลังจากย้ายตัวอ่อนเข้าในมดลูก 12 วันจะนัดเจาะเลือดฟังผลว่าท้องไหม การปฏิบัติตัวระหว่างนี้ หมอจะให้สอดฮอร์โมน (cyclogent) เป็นเม็ดสีขาวเหมือนหัวจรวดทางช่องคลอด รวมถึงทาน (progynova) ให้ตรงเวลาทุกครั้ง ด้วยกลัวลืมเลยตั้งนาฬิกาปลุกไว้ค่ะ สอดยาให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ กินยาตรงเวลาเป๊ะมีวินัยดีมาก นอนนิ่งขยับแค่เข้าห้องน้ำ ไม่ขึ้นลงบันได 5 วันติด ดูซีรีย์เกาหลีตามสูตร ชีวิตประจำวันแบบนี้น่าเบื่อมาก แต่อดทนเพื่อให้เบบี๋เกาะง่ายๆ (อันที่จริงหมอให้ใช้ชีวิตปกติไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้)
หลังจากย้ายตัวอ่อนวันที่ 7 แอบตรวจเทส ด้วยความอยากรู้ก่อน คือมันลุ้นมาก ซึ่งในความเป็นจริงไม่แนะนำให้ตรวจจะทำให้จิตตก บางคนฮอร์โมนยังไม่ขึ้นอาจเครียดแล้วส่งผลต่อตัวอ่อนได้… ว่ากันไป แต่สำหรับเราถ้าไม่ตรวจนี้ได้เครียดยิ่งกว่า แฮร่
17|02|2013 ตื่นมาตี 5 ปวดฉี่ ไหนๆก็นะเดี๋ยวเสียของเลยลองตรวจดู ตรวจแบบงัวเงีย ดูละมีขีดเดียว…เสียใจแต่ง่วงมากกว่า กลับไปนอนต่อ สะดุ้งตื่นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกให้สอดยาฮอร์โมน ใจไม่อยากจะสอดยาเลยเพราะคิดว่าไม่ติดอีกละ…
สอดยาเสร็จ เหลือบไปดู เอ๊ะๆ อะไรแว๊บๆ เห้ย!! ขีดที่สองจางมาก ขยี้ตาดูรึตาฝาดรีบถ่ายรูปส่งให้สามีดู สามีไม่แน่ใจเพราะครั้งก่อนก็มโนว่ามีสองขีด 555+ สามีเอาไปถามเพื่อน ทุกคนลงความเห็นว่าชัวร์ ดีใจอ่า….😊😊😊 เป็นอะไรที่รอคอยมานาน

ตั้งแต่นั้นมาตรวจทุกวัน เช้า-สาย-บ่าย-เย็น-ก่อนนอน ดูว่าลูกยังอยู่ใช่ไหม สีผลตรวจเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันตรวจเลือด (10 วันหลังย้ายตัวอ่อน) ค่าอยู่ที่ 250 กว่าๆ ติดแล้วววววววว แต่ค่าน้อยมาก คิดว่าคงได้คนเดียว อีก 2 วันมาตรวจเลือดใหม่เพื่อยืนยันผล ค่าจะต้องมากกว่าเดิม 2 เท่า แล้วก็ได้ 500 กว่าๆจริงๆ แสดงว่าชัวร์ ลูกมาแล้ว….ดีใจ 😁😁😁
หมอนัดอีก 4 สัปดาห์หลังจากนี้เพื่ออัลตราซาวนด์ตรวจเบบี๋ การท้องด้วยวิธีเด็กหลอดแก้วนี้ยังต้องกินและสอดยาสม่ำเสมอจนอายุครรภ์ 3 เดือนหรือหมอลงความเห็นว่าติดแน่นทนนานด้วยตัวเองแน่ละ จึงจบขั้นตอนของหมอรักษามีบุตรยาก ส่งต่อไปหมอสูตินารีเพื่อฝากท้องได้เลย
ส่วนการนับอายุครรภ์ของการท้องด้วยวิธีนี้ นับจากวันมีประจำเดือนครั้งสุดท้ายเหมือนคนท้องปกติ ซึ่งจะนับเป็นสัปดาห์ที่ 1 เดี๋ยวนี้เค้านับเป็นสัปดาห์(วีค) ครบเทอมก็ 40 วีค 10 เดือน ที่เปลี่ยนเพราะเห็นว่าง่ายต่อการดูพัฒนาการเพราะบางเดือนก็ 4 วีคบ้าง 5 วีคบ้างจะสับสนเลยนับเป็นวีคง่ายดี
14 วันผ่านไปหลังจากย้ายตัวอ่อน อาการคนท้องเริ่มมา เหมือนในละครเลย เวียนหัว อยากอ้วกอ่อนเพลีย อยากนอนตลอดเวลา แต่แพ้ท้อง…เร็วเกินไปไหม อ่านอาการตามเน็ตคร่าวๆ มีทั้งครรภ์แฝด ครรภ์ไข่ปลาอุก แต่ไม่น่าใช่แฝดเพราะฮอร์โมนที่ได้แฝดต้อง 1000 อัพเราได้แค่ 200 กว่าๆจึงขอเลื่อนนัดหมอให้เร็วขึ้น เผื่อมีอะไรอันตรายกับลูก
ช่วงนี้ได้อัลตร้าซาว์นผ่านช่องคลอด เครื่องจะต่อลิงค์กับทีวีให้เราเห็น มองแต่แปลผลไม่ออกค่ะ เห็นแต่ดำๆกลมๆแว๊บไปมา หมอเลื่อนตรวจไปมาไม่พูดอะไร เห็นมีสองถุงกลมๆ ห๊ะ!! ลุ้นมาก หมอยังเลื่อนไปมาต่อ นี่ลูกอยู่ในถุงเล็กๆนี่เหรอ มีกระพริบๆอีก ก็ดูไม่เป็นอะนะ แต่เซนท์บอกว่าในถุงมีหัวใจทั้งสองถุง ตื่นเต้นแฝดรึเปล่าว๊าาาาาา ลุ้นให้หมออธิบายมาก แล้วหมอก็พูดว่า………“ ติดคู่ทั้งสองตัวอ่อนเลยครับ มีหัวใจสองดวง” วินาทีนั้นน้ำตาไหลดีใจมาก……ในที่สุดลูกก็ยอมมาสักที แถมแท็กทีมมาสองคนซะด้วย สามียืนข้างๆยิ้มแป้นเลย 😊 ขั้นตอนต่อไปคือยังคงกินและสอดยาต่อเหมือนเดิมจนครบ 3 เดือน โอ้ย…. ดีใจที่สุด มากๆๆๆๆๆ ไม่รู้จะเทียบ บรรยายความรู้สึกนี้ยังไงเมื่อรู้ว่ามีลูกและมาทั้งคู่ ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม

แต่…ดีใจได้ยังไม่ทันครบวัน ตี 3 ตื่นมาเข้าห้องน้ำ หัวใจหล่นวูบเมื่อเห็น เลือดสีแดงสดไหลเหมือนประจำเดือน!!! โอ้วไม่นะ ลูกห้ามหลุดนะ ยังเพิ่งดีใจได้ไม่ถึงวันเลย ทำไมทำร้ายจิตใจกันแบบนี้ คิดไปต่างๆนานาว่าหลุดแล้วแน่ ปลุกสามีพาไปส่งโรงพยาบาลทันที ไปที่แรกไม่มีหมอ ต้องขับรถไปอีกโรงพยาบาล ระหว่างนอนรอหมอมาตรวจก็สวดมนต์ภาวนาให้พระคุ้มครองเด็กๆ มาอยู่ด้วยกันนะ อย่าทิ้งกันไปแบบนี้ เวลาเดินช้ามากตอนนั้น รอนานเท่าไรไม่รู้ รู้แต่สามีอยู่ข้างๆปลอบใจตลอดเวลา น้ำตาก็ไหลไม่อยากผิดหวังอีกแล้ว……
หมอมา… ใจเต้นระทึก อยากรู้ว่าลูกเป็นไง ได้อัลตราซาวด์ผ่านช่องคลอดเหมือนเดิม “หัวใจยังอยู่ทั้งสองดวง”ปลอดภัย!! โอ้ย…โล่งอกมาก น้ำตาไหล หมอตรวจแป๊บๆให้เห็นว่าหัวใจยังอยู่ เพราะไม่อยากรบกวนเบบี๋ “เป็นเลือดจากคุณแม่” พร้อมสั่งให้นอนนิ่งๆ 3 วัน ให้ฮอร์โมนมากินเพิ่ม เหมือนยกภูเขาออกจากอก สอดยากินยาเคร่งครัดไม่ทำงานหนัก นอนอย่างเดียว~ เลือดก็ไม่ไหลอีกเลย
ตะ…แต่อาการเวียนหัว คลื่นไส้หนักกว่าเดิม เพลีย ง่วง ใจสั่นหวิวๆ ไม่อยากกินอะไรสักอย่างแม้แต่น้ำเปล่ามันขมปากไปหมด เลยไปหาหมออีกรอบได้วิตามินบี 12 มากิน~ ไม่ได้ช่วยเลย อาการแย่ลงเรื่อยๆ ครั้งนี้อ้วกทั้งวัน กอดชักโครกนอน กินอะไรก็อ้วก น้ำหนักลง เป็นห่วงลูกมาก
ประคองตัวจนถึง 12 วีค หมอให้หยุดยาทั้งหมดแล้วย้ายฝากครรภ์ ร่างกายรับรู้ว่าเราท้องจริงๆผลิตฮอร์โมนคนท้องเองได้แล้ว ถือว่าจบการทำงานของการรักษามีบุตรยาก ต่อจากนี้ไปคือเรื่องราวการอุ้มท้องเหมือนคุณแม่ปกติ
วันแรกที่พบหมอสูติเพื่อฝากท้อง หมออธิบายความเสี่ยงต่างๆของท้องแฝดให้ฟัง ท้องแฝดในทางการแพทย์ถือว่าผิดปกติ เพราะมดลูกคนพื้นที่มีจำกัดแค่คนเดียว แต่นี้มาสองต้องเบียดกัน แย่งอาหารกันทำให้เด็กตัวเล็กไม่แข็งแรง มีอาการแพ้ท้องรุนแรง อาจมีภาวะเบาหวาน ถ้ามีภาวะถ่ายเลือดระหว่างรกอาจทำให้อีกคนนึงไม่โต หากเสียชีวิตโอกาสที่อีกคนจะเสียชีวิตตามก็มี ท้องโตมากอึดอัดลูกไม่มีพื้นที่ขยับตัว เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด อาจทำให้ลูกไม่แข็งแรงมีภาวะแทรกซ้อน เพราะปอดยังทำงานไม่เต็มที่ บลาๆๆ เยอะมากจนกลัว แต่สิ่งที่หมออธิบายคือให้รู้หากเกิดอะไรขึ้นจะได้รับมือได้ง่ายกว่าการเพิ่งมารู้ทีหลัง
ดังนั้นต้องพบหมอเดือนละ 1 ครั้ง ครั้งแรกมีตรวจเลือด ฉีดบาดทะยัก ส่วนใกล้ๆคลอดพบถี่ขึ้น 2 สัปดาห์ครั้งจนถึงสัปดาห์ละครั้ง ช่วงนี้อาการแพ้ท้องยังรุนแรงต่อเนื่อง โทรมมาก ต้องอดทนอย่างเดียว ได้ยา Dramamine ช่วยให้หลับทั้งวันไม่ต้องทรมานกับอาการแพ้ท้อง หยุดยาไม่ได้เลย ต้องทำให้หลับเพราะตื่นทีไรก็อ้วก เหนื่อยและท้อมากตอนนั้น มองหน้าสามีเพื่อขอกำลังใจให้สู้ต่อ ยิ้มแบบแห้งๆ😔 อดทนเดี๋ยวมันก็จะผ่านไปได้ ท่องวนเวียนไปมา
วีคที่ 14 ค่อยดีขึ้นกินอะไรได้บ้าง แต่ผลการตรวจลูกน่าเป็นห่วง ลูกโตไม่เท่ากัน แฝดอยู่คนละรกคนละถุง แต่อาจมีโอกาสถ่ายเลือดกันต้องตามใกล้ชิด การที่แฝดถ่ายเลือดกันทำให้อีกคนไม่โตและตายไป ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ สวดมนต์ภาวนาอย่างเดียวทำอะไรไม่ได้
เครียดต่อมาคือการเจาะน้ำคร่ำตรวจดาว์นซินโดรม!!! จริงอยู่ การเจาะน้ำคร่ำปกติทำเมื่อแม่อายุ 35 ปีขึ้น แต่ครรภ์แฝดเริ่มที่ 32 เอาละสิ มันก็เสี่ยงแท้งถ้าเจาะตรวจเหมือนเจาะลูกโป่งใส่น้ำ แถมถ้ารู้ว่าคนใดคนนึงผิดปกติจะเอาออกก็ไม่ได้เพราะดันมี 2 คน เลยตัดสินใจไม่เจาะกลัวเครียด ทำใจสบายๆดีกว่า
พอเริ่มเข้าไตรมาส 2 สบายขึ้น กินได้เยอะขึ้น อาการแพ้ท้องดีขึ้นมาก มีเดินทางไปเที่ยวได้ 😉 แต่ก็ไม่ประมาท เน้นนอนอยู่แต่ในโรงแรม นั่งรถเข็นเที่ยว 555 งดเดินเยอะ ท้องใหญ่ขึ้นกว่าเดิมแต่ยังเล็กมากเมื่อเทียบกับครรภ์เดี่ยว ผ่านไปได้ด้วยดี ช่วง 24-28 วีคได้ทำอัลตราซาวด์3มิติด้วยค่ะ แต่ไม่เห็นอะไรเพราะแฝดเบียดกันมาก อดมีภาพหน้าลูกในท้องเลยค่ะเข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย ท้องไม่ใหญ่เลย ลูกตัวเล็กมากเมื่อเทียบอายุครรภ์ แถมขนาดค่อยๆห่างกันมากขึ้น พี่ปริมตัวโตกว่าเบียดน้องปรางหนีไปอยู่ด้านหลัง พื้นที่แทบจะไม่มีให้ลูกโต ตับไตไส้พุงโดนเบียดปัญหาต่อมาคือท้องอืด กินข้าวไม่ได้ กรดไหลย้อน ลูกก็ตัวเล็กแถมกินก็ไม่ได้อีก ช่วงนี้มีดิ้นกัน เตะกันทีสะดุ้งเลย ลูกเริ่มสะอึก ระหว่างนี้เริ่มมีท้องแข็งบ้าง น้ำนมเริ่มไหลมีอาการคัดเต้า กลัวคลอดก่อนกำหนดมากๆเพราะลูกตัวเล็กยังไม่ถึงกิโลเลย ยังไงก็ต้องพยุงให้ถึงคนละ 2 กิโล พยายามกินแต่ก็กลัวลูกแพ้โปรตีน
วีคที่ 30 เริ่ม bed rest นอนอย่างเดียว งดขึ้นบันได (งดขับรถตั้งแต่รู้ว่าท้องด้วย) เพราะท้องแข็งบ่อยขึ้น วันไหนเดินเยอะท้องก็แข็ง สรุปนอนๆกินๆทำน้ำหนักให้ลูกโตแข็งแรง ทำยังไงก็ได้ให้ประคองให้นานที่สุดลูกจะได้แข็งแรงไม่เข้าตู้อบ สรุปผลการ bed rest ทำให้ไม่ต้องฉีดยากระตุ้นปอด ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
วีคที่ 34 อึดอัดท้องมาก นอนตะแคงได้ท่าเดียว ท้องผูกเบ่งก็ไม่กล้า หายใจไม่ออก เหนื่อยง่าย ลูกโตได้กิโลกว่าๆรอดปลอดภัย สบายใจ ตอนนี้แค่ประคองให้เกิน 36 วีค นอนอย่างเดียว
พอวีคที่ 36 ลูกเริ่มไม่ค่อยโตเพราะไม่มีพื้นที่ หมอเลยตัดสินใจนัดผ่าคลอด
ถึงเส้นชัยแล้ว……… อุ้มท้องรวมได้ 37 วีค กับ 1 วัน ได้มาคนแรก 2.2 กิโล อีกคน 1.8 กิโลกรัม แข็งแรงไม่มีปัญหาอะไร 3 วันกลับบ้าน ตอนนี้ยากละคุณแม่มือใหม่ป้ายแดงพร้อมลูกแฝดสองคน ระหว่างท้องอ่านมาเยอะมากแต่ในตำรากับของจริงช่างต่างกันราวฟ้ากับเหวไว้มาต่อเรื่องการเลี้ยงแฝดด้วยนมแม่ 100% นะคะ สุดแสนจะเหนื่อยและท้อมากค่ะ



